จับเรือประมง เวียดนาม 3 ลำหลังลักลอบทำการประมงในเขตประเทศไทย

จับเรือประมง หลังได้รับแจ้งจาก ชมรมวิทยุมดดำนาวี โดยตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 ลำ ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 17 ม.ค.62 พลเรือโท บรรจบ โพธิ์แดง ผู้บัญชาการ ทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 1 (ศรชล.เขต 1) มอบหมายให้ พลเรือตรี รณภพ กาญจนพันธุ์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 สั่งการ ออกลาดตระเวนน่านน้ำอ่าวไทย จับเรือประมง

นำเรือตรวจการณ์ ต.237 โดย มี เรือเอก สิทธินาถ คุณวัฒน์ เป็นผู้บังคับการเรือ พร้อม เฮลิคอปเตอร์ ออกลาดตระเวนน่านน้ำอ่าวไทย หลังรับแจ้ง จาก ชมรมวิทยุมดดำนาวี ว่ามีเรือต่างชาติ จำนวน 3ลำ เข้ามารุกล้ำในเขตเศรษกิจจำเพาะของประเทศไทย

การดำเนินการในครั้งนี้ ได้รับแจ้งจาก ชมรมวิทยุมดดำนาวี โดยตรวจพบเรือประมงสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 ลำ ตัวเรือสีฟ้า 2 ลำ และสีเขียว 1 ลำ เป็นเรือประมงขนาดเล็ก ในบริเวณแบริ่ง 230 ระยะ 36 ไมล์ จากยอดเขาแหลมปู่เจ้า ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย

โดยเป็นพื้นที่ทางทะเลซึ่งประเทศไทยมีสิทธิในการใช้ทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่ดังกล่าว จึงได้ควบคุมเรือประมงเวียดนาม ทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือชาวเวียดนาม 5 คน

มาจอดที่ท่าเทียบเรือกลางอ่าว บก.กร .อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อดำเนินการสอบสวน และนำส่งสถานีภูธรสัตหีบ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ในเบื้องต้นมีความผิดฐานการประมงในเขตสิทธิการประมงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นบุคคลต่างด้าวโดยไม่เดินทางตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง และร่วมกันทำการประมงโดยไม่ได้รับอนุญาต

พลเรือตรี รณภพ กาญจนพันธุ์ กล่าวว่า การเข้ามาทำการประมงของเรือประมงเวียดนามทำให้ประเทศไทยสูญเสียทรัพยากรทางทะเลเป็นจำนวนมาก และยังทำให้เรือประมงประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการทำการประมงในทะเลไทยอีกด้วย เนื่องด้วยปัจจุบันอยู่ในห้วงที่ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเพื่อให้การทำประมงที่ถูกกฎหมาย มีการรายงาน การควบคุม ให้สอดคล้องตามหลักสากล ดังนั้น นอกจากเรือประมงประเทศไทยซึ่งถูกบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังแล้ว ในกรณีการรุกล้ำน่านน้ำเข้ามาทำการประมงของเรือต่างชาติ จึงต้องมีการดำเนินการจับกุม อย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน